Ad Code

ชาเขียว vs. ชาเขียวสกัด: เหมือนหรือต่าง? เลือกแบบไหนให้เหมาะกับคุณ

            ชาเขียวและชาเขียวสกัดล้วนมาจากพืชชนิดเดียวกันคือ Camellia sinensis แต่มีความแตกต่างที่สำคัญในด้านรูปแบบ กระบวนการผลิต ความเข้มข้นของสารออกฤทธิ์ และวัตถุประสงค์การใช้งาน การทำความเข้าใจความแตกต่างเหล่านี้จะช่วยให้คุณเลือกบริโภคได้ตรงตามความต้องการและเกิดประโยชน์สูงสุด

ตารางเปรียบเทียบ: ชาเขียว กับ ชาเขียวสกัด

คุณสมบัติชาเขียว (Green Tea)ชาเขียวสกัด (Green Tea Extract)
รูปแบบใบชาแห้ง, ผงชา (เช่น มัทฉะ) สำหรับชงดื่มผง, แคปซูล, ของเหลว
กระบวนการผลิตนำใบชาสดมาผ่านความร้อน (นึ่งหรือคั่ว) เพื่อหยุดการทำงานของเอนไซม์ แล้วนำไปอบแห้งและแปรรูปใช้ตัวทำละลาย (เช่น แอลกอฮอล์ หรือ น้ำ) สกัดสารสำคัญ (Polyphenols) ออกจากใบชา แล้วทำให้เข้มข้นและอยู่ในรูปแบบผงหรือของเหลว
สารออกฤทธิ์หลักคาเทชิน (Catechins) โดยเฉพาะ EGCG, แอล-ธีอะนีน (L-Theanine), คาเฟอีนคาเทชิน (Catechins) และ EGCG ในปริมาณที่เข้มข้นสูงกว่าชาเขียวชงดื่มหลายเท่า
ความเข้มข้นปริมาณสารสำคัญแปรผันตามคุณภาพชา, วิธีการชง และปริมาณที่ใช้มีความเข้มข้นของสารสำคัญสูงและคงที่ สามารถระบุปริมาณที่แน่นอนต่อหน่วยบริโภคได้
การใช้งานหลักดื่มเพื่อความสดชื่น, ผ่อนคลาย, รับประโยชน์ต่อสุขภาพในภาพรวมใช้เป็นผลิตภัณฑ์เสริมอาหารเพื่อวัตถุประสงค์เฉพาะทาง เช่น การต้านอนุมูลอิสระ, ควบคุมน้ำหนัก, บำรุงผิว
ปริมาณคาเฟอีนมีคาเฟอีนในปริมาณหนึ่ง (น้อยกว่ากาแฟ)ส่วนใหญ่ยังคงมีคาเฟอีนอยู่ แต่อาจมีผลิตภัณฑ์รูปแบบ Decaffeinated (สกัดคาเฟอีนออก)
ข้อดี- เป็นธรรมชาติ ได้รับสารอาหารอื่น ๆ ที่มีในใบชาด้วย
- เพลิดเพลินกับรสชาติและกลิ่น
- แอล-ธีอะนีน ช่วยให้ผ่อนคลาย
- ราคาเข้าถึงง่าย
- ได้รับสารต้านอนุมูลอิสระ (EGCG) ในปริมาณสูงและแน่นอน
- สะดวกในการบริโภคและพกพา
- เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการผลลัพธ์ที่ชัดเจน
ข้อควรระวัง- การเติมน้ำตาลหรือนมอาจลดประโยชน์และเพิ่มแคลอรี่
- ดื่มมากเกินไปอาจทำให้ใจสั่น นอนไม่หลับจากคาเฟอีน
- การบริโภคในปริมาณที่สูงเกินไปอาจเป็นพิษต่อตับได้
- ต้องเลือกผลิตภัณฑ์จากผู้ผลิตที่น่าเชื่อถือ
- อาจมีปฏิกิริยากับยาบางชนิด

เจาะลึกความแตกต่างที่สำคัญ

1. กระบวนการผลิตและความเข้มข้นของสาร EGCG

หัวใจของความแตกต่างอยู่ที่ "ความเข้มข้น" ชาเขียวที่เราชงดื่มนั้น สารสำคัญจะถูกปล่อยออกมาในน้ำร้อนในปริมาณหนึ่ง แต่สำหรับ "ชาเขียวสกัด" จะผ่านกระบวนการทางวิทยาศาสตร์เพื่อดึงเอาเฉพาะสารประกอบสำคัญ โดยเฉพาะ EGCG (Epigallocatechin gallate) ซึ่งเป็นสารต้านอนุมูลอิสระที่ทรงพลังที่สุดในชาเขียวออกมาในปริมาณที่เข้มข้น

Microemulsion Epigallocatechin Gallate



  • ชาเขียวชงดื่ม 1 แก้ว (ประมาณ 240 มล.) อาจมี EGCG อยู่ประมาณ 25-86 มิลลิกรัม

  • ชาเขียวสกัด 1 แคปซูล อาจมี EGCG สูงถึง 100-750 มิลลิกรัม หรือมากกว่านั้น ซึ่งเทียบเท่ากับการดื่มชาเขียวหลายแก้ว

2. รูปแบบและการใช้งาน

  • ชาเขียว อยู่ในรูปแบบของเครื่องดื่ม เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการความสดชื่น ผ่อนคลาย และต้องการรับประโยชน์ต่อสุขภาพแบบองค์รวมในชีวิตประจำวัน การดื่มชายังเป็นกิจกรรมที่สร้างความเพลิดเพลินได้อีกด้วย

  • ชาเขียวสกัด จัดเป็นผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร มุ่งเน้นการใช้งานเพื่อวัตถุประสงค์เฉพาะเจาะจง เช่น ผู้ที่ต้องการสารต้านอนุมูลอิสระปริมาณสูงเพื่อดูแลสุขภาพ, ผู้ที่ต้องการตัวช่วยในโปรแกรมควบคุมน้ำหนัก (เนื่องจาก EGCG มีส่วนช่วยเพิ่มการเผาผลาญ), หรือใช้เป็นส่วนผสมในผลิตภัณฑ์บำรุงผิว

เลือกอะไรดี?

  • ถ้าคุณต้องการความสดชื่นและดูแลสุขภาพทั่วไป: การดื่ม ชาเขียว คุณภาพดีวันละ 1-3 แก้ว เป็นทางเลือกที่ยอดเยี่ยมและปลอดภัย คุณจะได้รับประโยชน์จากสารต้านอนุมูลอิสระในระดับที่พอเหมาะ พร้อมกับสารแอล-ธีอะนีนที่ช่วยให้สมองผ่อนคลายและมีสมาธิ

  • ถ้าคุณต้องการผลลัพธ์เฉพาะทางและปริมาณสารสำคัญที่แน่นอน: ชาเขียวสกัด คือคำตอบ เพราะให้ความสะดวกและปริมาณ EGCG ที่สูงและคงที่กว่า อย่างไรก็ตาม ควรเริ่มต้นในปริมาณที่แนะนำบนฉลาก และปรึกษาแพทย์หรือเภสัชกรก่อนรับประทาน โดยเฉพาะผู้ที่มีโรคประจำตัว (เช่น โรคตับ) หรือกำลังรับประทานยาอื่น ๆ อยู่ เพื่อความปลอดภัยสูงสุด

Close Menu